ไหมที่โด่งดังและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในการร้อยไหม คือ “ไหมละลาย”
ส่วนใหญ่แล้วไหมละลายจะทำมาจาก Polydioxanone (PDO) แต่เดิมไหมชนิดนี้ใช้ในการเย็บแผลแบบไม่ต้องตัดไหมเพราะเป็นสารที่ละลายได้ในร่างกาย ทำให้โอกาสในการแพ้ไหมนั้นมีน้อย
หลักการทำงานของไหม PDO ก็คือ ใช้เย็บผิวเพิ่มความตึง เหมาะกับคนที่ผิวหน้าเริ่มไม่กระชับ หย่อนคล้อยตามอายุ หลังจาก การร้อยไหม ประเภทนี้ นอกจากที่ผิวจะตึงจากการเย็บของแพทย์แล้ว ไหม PDO จะกระตุ้นให้ร่างกายเกิดสร้างเส้นใยที่เรียกว่าคอลลาเจนและอิลาสตินขึ้นมาล้อมรอบเส้นไหม ( healing process) เช่นเดียวกับเวลาที่ร่างกายมีบาดแผลแล้วเกิดการสมานแผล หลังการร้อยไหม ไม่ว่าจะชนิดละลายหรือไม่ละลาย อาจจะเกิดอาการบวมได้เล็กน้อย ขึ้นอยู่กับชนาดของเส้นไหม แต่อาการบวมไม่รุนแรง เนื่องจากตามปกติเส้นไหมนั้นเส้นเล็ก
หลังร้อยไหม หากได้รับวิตามินที่เหมาะสมอย่างเพียงพอในระยะแรก ผิวจะสร้างคอลลาเจน อิลาสตินชั้นใหม่ทำให้ผิวหน้ากระชับ ฟูขึ้น อย่างชัดเจน เป็นการใช้ประโยชน์จากกลไกฟื้นฟูตัวเองของร่างกายตามธรรมชาตินั้นเอง ซึ่งผลเหล่านั้นจะอยู่ได้ยาวนานหลายปีแม้ว่าไหมจะละลายไปจากร่างกายแล้ว
ไหมละลายจึงได้รับความนิยมอย่างสูงในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นวิธีที่ปลอดภัย เห็นผลไวและมีระยะพักฟื้นน้อยมากเมื่อเทียบกับการผ่าตัด
ดังนั้นตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ไหมละลายมีการพัฒนาอย่างมาก และเกิดไหมรุ่นใหม่ออกมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศเกาหลีใต้ ถือเป็นแหล่งผลิตไหมลำดับต้นๆของโลก